เทคนิคการปรับเพดานเตี้ย ให้ดูสูงโปร่งไม่อึดอัด

อีกหนึ่งสาเหตุที่ ทำให้ห้องหรือบ้านดูเล็กและแคบ ไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดอย่างเดียวแต่ เป็นความสูงของเพดานด้วย โดยตามมาตรฐานขั้นต่ำก็คือ 2.4 เมตร ซึ่งถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวก็ยังดูเตี้ยไปนิดนึง อย่างไรก็ตามในเมื่อเราตัดสินใจจะอยู่ห้องที่มีเพดานต่ำแล้ว แต่อยากให้ห้องดูโปร่งเพดานดูสูงขึ้น เรามีวิธีมานำเสนอด้วยล่ะ ผนังโทนสีสว่าง และลายแนวตั้งช่วยได้

ในหลายๆ บทความที่เกี่ยวกับการแต่งห้องมักจะมีข้อนี้อยู่เสมอ ว่าการทาสีห้องโทนอ่อนสีสว่าง อย่างสีขาว ครีม สีพาสเทล จะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น รวมถึงสีเพดานที่ส่วนใหญ่จะเป็นสีพื้นขาวอยู่แล้ว แต่บางคนก็ชอบเปลี่ยนเป็นสีอื่น ซึ่งถ้าคนไม่ซีเรียสเรื่องที่ทำให้ห้องดูแคบลงก็ไม่ใช่ปัญหา ขณะเดียวกันการติดวอลเปเปอร์ หรือทาสีเป็นลายแถบแนวตั้งจากพื้นถึงเพดาน จะช่วยหลอกตาให้ห้องดูโปร่งสูงขึ้นได้อย่างมาก 

ถ้าเป็นพวกเตียง ที่นอน โซฟา โต๊ะทานอาหาร โต๊ะทำงาน เก้าอี้ เน้นไปที่ทรงหรือฐานเตี้ยจะดีกว่า และขยายการใช้งานเป็นแนวกว้างแทน เพื่อให้ระยะห่างระหว่างเพดานมีมากขึ้น แต่ถ้าเป็น ตู้เสื้อผ้าหรือตู้เก็บของ เราว่าบิวท์อินให้สูงติดเพดานไปเลย เพดานจะได้ดูสูงขึ้นแต่อาจไม่ต้องกว้างมาก ไม่อย่างนั้นจะกินพื้นที่จนกลายเป็นทำให้ห้องแคบแทน

ไม่ควรติด พัดลมเพดาน โคมระย้า อย่าติดเลย

อย่างที่บอกไปข้อเมื่อกี้ว่าต้องเหลือระยะห่างจากวัสดุสิ่งของกับเพดานให้ได้มากที่สุด ฉะนั้นการติดพัดลมเพดาน โคมระย้าหรือแชนเดอเลียร์ ที่มีการห้อยลงมาจากเพดาน จะยิ่งทำให้เพดานดูเตี้ยกว่าเดิม ควรใช้เป็นแบบหลอดไฟติดผนังหรือฝังกับเพดานจะดีกว่า

วิธีที่ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นคือการทำหน้าต่างสูงและยาวเต็มผนัง เพราะจะช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาได้มาก ซึ่งการติดผ้าม่านให้สูงตามไปด้วย คือจะช่วยพรางตาทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด หรือห้องใครมีหน้าต่างแค่ครึ่งเดียว ก็ควรที่จะติดผ้าม่านให้ยาวถึงพื้นด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงอาจติดผ้าม่านโปร่งเพิ่มอีกชั้น เวลาอยากรับแสงตอนกลางวันแต่ก็อยากพรางสายตาจากคนข้างนอก พูดง่ายๆ ว่าใช้ทฤษฎีเดียวกับการบิวท์อินตู้เสื้อผ้า  

วิธีที่ฮาร์ดคอร์สุดคือ รื้อเพดานออกไปเลยยยยย โดยพอเอาออกแล้วก็จะเห็นโครงสร้างที่ถูกซ่อนไว้ซึ่งก็ ต้องทำการออกแบบตกแต่งเพิ่มเติมด้วยนะ ไม่อย่างนั้นมันจะดูจริงไปหน่อย โดยเราสามารถตกแต่งให้ออกมาเป็นสไตล์ลอฟท์ได้ แถมทำให้ห้องดูสูงกว่าเดิมขึ้นจริงๆ

ขอบคุณบทความดีดีจาก www.livinginsider.com