top of page
shutterstock_1135083989.jpg

CLEAN AIR HOME อย่ามัวแต่จัดบ้านสวย อย่าลืมทำอากาศในบ้านให้สะอาดด้วย

ปัจจุบันเทรนด์การจัดบ้านให้เรียบร้อยและดูสวยงามน่ามองของบ้านมาแรงมาก แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปคือเรื่องของความสะอาดและคุณภาพของอากาศภายในที่อยู่อาศัยของเรา อากาศเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากไม่แพ้สิ่งที่จับต้องได้

วันนี้เรามีมากกว่า 15 เทคนิคที่จะช่วยให้บ้านของคุณมีอากาศที่สะอาด หายใจเข้าออกลึกๆ ได้อย่างสบายใจ มาดูกันเลย




1.ไล่อากาศให้ถ่ายเท

เครื่องปรับอากาศภายในบ้านส่วนใหญ่มักจะใช้การไหลเวียนของอากาศภายในบ้านเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายถึงการรวมเอาฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกให้ไหลเวียนวนอยู่ไปด้วย ลองหาโอกาสเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศและเพิ่มความสดชื่นให้แก่บ้านอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อภายในบ้านนั้นอาจมีควันจากการทำอาหาร กลิ่นสี หรือฝุ่นผงที่เกิดขึ้นจากงานไม้ต่างๆ



2.ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เรียบง่าย

พวกเราบางคนมักเลือกใช้เคมีภัณฑ์ที่มีฤทธิ์แรงในการทำความสะอาดบ้านซึ่งอาจส่งผลต่อระบบหายใจหรือเป็นตัวการก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้ ควรเลือกอ่านฉลากอย่างรอบคอบโดยหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile Organic Compounds, VOCs) สารที่มีกลิ่น หรือสารที่ก่อให้เกิดประกายไฟได้ เพราะอันที่จริงเราสามารถทำบ้านให้สะอาดได้ด้วยน้ำกับสบู่ธรรมดา น้ำส้มสายชู และเบคกิ้งโซดา





3.ปลูกต้นไม้ในบ้าน

การมีต้นไม้ในบ้านจะช่วยสร้างความสวยงามให้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ยังเหมาะอย่างยิ่งกับบ้านที่ไม่ค่อยมีอากาศถ่ายเทได้ดีนัก  ต้นไม้จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มระดับออกซิเจน บางชนิดยังช่วยฟอกสารพิษให้ได้อีกด้วย ตัวอย่างต้นไม้ในบ้านที่เลี้ยงง่ายได้แก่ ไอวี่อังกฤษ ต้นยาง เดหลี และไม้ตระกูลปาล์ม


4.เปลี่ยนไส้กรองเครื่องปรับอากาศ

โดยปกติแล้วควรมีการเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือน หรือหากคุณเป็นภูมิแพ้ อยู่ในบ้านหลังใหญ่และมีสัตว์เลี้ยงก็ควรเปลี่ยนเดือนละครั้ง ทั้งนี้ควรมีการเรียกช่างบำรุงเข้ามาตรวจเช็คเป็นประจำทุกปีด้วย


5.ห้องน้ำ

แม้กระทั่งเชื้อราเล็กๆ ในบ้านก็สามารถกระจายสปอร์ของมันเพื่อเข้าสู่จมูกและปอดของคุณได้ เห็ดราเหล่านี้ชื่นชอบที่ชื้น ดังนั้นควรดูแลให้ห้องน้ำของคุณแห้งอยู่เสมอ เปิดพัดลมดูดอากาศเป่าไล่ความชื้นหรือเปิดหน้าต่างทิ้งไว้หลังอาบน้ำเสร็จ อย่าลืมตากผ้าเช็ดตัวให้แห้ง ถ้าหากเจอเชื้อราในอ่างอาบน้ำหรือพื้นที่อื่นๆ ก็ควรหมั่นทำความสะอาดให้บ่อยขึ้น


6.อย่าใช้สเปรย์ปรับอากาศบ่อยจนเกินไป

บางครั้งกลิ่นหอมๆ ก็ทำให้เกิดปัญหาได้เพราะสเปรย์ปรับอากาศบางชนิดมีสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile Organic Compounds, VOCs) ซึ่งอาจส่งผลต่อจมูกและลำคอ


7.อย่าปล่อยให้ผักสดและผลไม้ขึ้นรา

หากเก็บไว้นานเกินไปเราอาจได้เชื้อรามาเยี่ยมเยือน หมั่นตรวจตราบ่อยๆ และโยนทิ้งทันทีที่พบเจอราหรือเมือก หากต้องการเก็บให้นานขึ้น แนะนำให้อย่าเพิ่งล้างก่อนที่จะจัดเก็บแต่ให้ล้างทีเดียวเมื่อต้องการใช้งาน อันไหนที่ไม่แน่ใจว่าสดหรือไม่ก็ให้โยนทิ้งทันทีเช่นกัน





8.แมลงสาบเจ้าปัญหา

เจ้าแมลงน้อยพวกนี้สามารถสร้างปัญหาได้แม้ว่ามันจะตายไปแล้ว โดยชิ้นส่วนที่แตกหักของมันสามารถปะปนอยู่ในอากาศ รวมถึงอึของมันก็สามารถเข้าไปปนในที่นอน หมอน และผ้าต่างๆ ของเรา ถ้าหากคุณกลัวแมลงสาบแนะนำว่าให้เลือกใช้เครื่องดักแมลงสาบแทนการใช้สเปรย์กำจัดมัน


9.ระวังการรั่วซึม

เมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้นประกอบกับฝนตกมากอีก ดังนั้นเรื่องรั่วๆ ซึมๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่อ่างล้างจาน ห้องน้ำ ฝักบัว ตู้เย็น หรือแม้แต่ฝ้าเพดาน ผนัง หลังคา ถ้าปล่อยไว้จะมีแต่ทำให้เกิดเชื้อรา หากคุณหาต้นตอของการรั่วซึมไม่ได้ก็ควรติดต่อช่างมาช่วยเหลือเป็นการด่วน อย่าปล่อยให้กลายเป็นเรื่องใหญ่


10.อาหารเหลือของเรา คือ ของโปรดของแมลงสาบ

สิ่งที่แมลงสาบชอบยิ่งกว่าน้ำก็คืออาหาร หากรับประทานไม่หมด ควรเก็บใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด หรือหากต้องการจะเททิ้ง ก็ขอให้แน่ใจว่าคุณได้ทิ้งลงในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด ควรรักษาความสะอาดให้ดี คุณคงไม่อยากให้บ้านเต็มไปด้วยขบวนพาเหรดแมลงสาบใช่ไหมละ


11.สัตว์เลี้ยงพาฝุ่นเข้าบ้าน

สะเก็ดฝุ่นละอองต่างๆ ที่เจ้าขนปุยนำติดตัวมาจากนอกบ้านสามารถสร้างอันตรายให้แก่ปอดของคุณได้ อาจจะเป็นคำแนะนำที่ยากหน่อยแต่ถ้าคุณสามารถเลี้ยงพวกมันให้อยู่นอกห้องนอนได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ถ้าหากยังทำใจไม่ได้ล่ะก็ การหมั่นอาบน้ำให้ลูกๆ ของคุณรวมทั้งทำความสะอาดบริเวณที่พวกคุณใช้เวลาร่วมกันบ่อยๆ ก็ถือเป็นเรื่องจำเป็น


12.ตรวจตราพื้นที่ที่ไม่ค่อยใช้งาน

บนหลังตู้ ปล่องดูดควัน หรือที่ที่เอื้อมถึงยากอย่างชั้นวางของเหนือหัว มักเป็นบริเวณที่คนมักลืมทำความสะอาด รวมถึงห้องน้ำ ใต้อ่างล้างหน้า บริเวณที่ให้อาหารสัตว์เลี้ยง อย่าลืมตรวจตราและทำความสะอาดบริเวณเหล่านั้นเพราะมักเป็นจุดสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ มากมาย


13.ทำความสะอาดผ้าปูที่นอนและพรม

ควรซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม พรม หรือผ้าต่างๆ ในบ้านด้วยน้ำที่อุณหภูมิ 130 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 54 องศาเซลเซียส เพื่อกำจัดไรฝุ่น รา และสิ่งต่างๆ ที่ส่งผลต่อระบบหายใจ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้หมอนที่ไม่มีซิปสำหรับปิดคลุม เพราะมันจะสะสมสิ่งสกปรกได้มากกว่าปกติ




14.เลือกวัสดุเฟอร์นิเจอร์และม่าน


วัสดุที่เป็นผ้ามักจับฝุ่นละอองได้ดีเยี่ยม ในคราวหน้าหากคุณต้องการแปลงโฉมห้องนั่งเล่นใหม่ขอให้เลือกพิจารณาเฟอร์นิเจอร์จำพวกหนังหรือไวนิลแทน หากคุณมีปัญหาด้านภูมิแพ้อยู่แล้วก็ควรเลือกใช้ม่านหรือมู่ลี่แทนการใช้ผ้าม่าน


15.พื้น

พื้นผิวที่แข็งมักไม่สะสมสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้เท่าพรม แต่หากคุณต้องการให้มีพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลบ้าง ขอให้เลือกใช้พรมที่สามารถซักในเครื่องซักผ้าหรืออ่างล่างหน้าได้ ถ้าพรมนั้นหนักเกินกว่าจะยกออกมาได้ก็ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรองอากาศ HEPA หรือส่วนกรองเล็กๆ

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคที่จะช่วยให้บ้านของคุณมีอากาศที่สะอาด หายใจเข้าออกลึกๆ ได้อย่างสบายใจหายห่วง ใครนำไปปรับใช้แล้วได้ผลดีก็อย่าลืมที่จะบอกต่อไปยังเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยนะ



Credit https://propholic.com

ดู 9 ครั้ง

Коментарі


bottom of page