สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้คนวัยทำงานอย่างเรามีความมุ่งมั่น ทำงานอย่างขยันขันแข็ง และตั้งใจวางแผนการเงินเป็นอย่างดี คงหนีไม่พ้นการอยากมีรถเป็นของตัวเองสักคัน มีบ้านหลังใหญ่สำหรับอยู่ร่วมกับครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่ในความเป็นจริงเราไม่สามารถมีทุกสิ่งพร้อมกันได้ง่ายๆ เพราะมันต้องใช้เวลาเก็บหอมรอมริบนานมาก นับตั้งแต่เริ่มวางแผนการออมเงินที่ละน้อย เพื่อสานฝันที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
จึงเป็นที่มาของคำถามยอดฮิตว่า “ระหว่างบ้านกับรถยนต์ ควรซื้ออะไรก่อนดี?” ถ้าหากจะให้พูดกันตามตรง คำถามแบบนี้ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดหรอกครับ แต่เราพอจะแนะนำแนวทางการพิจารณาคร่าวๆ ได้บ้าง เผื่อใครได้ลองคิดตามแล้วอาจจะได้คำตอบที่เหมาะสมกับตัวเองก็เป็นได้
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลากับคำถามโลกแตกนี้มากเกินไป เราจึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์และเหตุผลต่างๆ ที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อาจเป็นการพิจารณาตามความจำเป็นของแต่ละคน หรืออาจพิจารณาตามความยากง่ายในการผ่อนชำระสิ่งนั้นๆ ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ดีเช่นกัน
พิจารณาตามความจำเป็นในการใช้งาน
ใครจะเลือกซื้อบ้านหรือซื้อรถยนต์ก่อนก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน จะให้การตัดสินใจออกมาเหมือนกันหมดคงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ ต้องเข้าใจความจำเป็นของตัวเองให้ชัดเจน ว่าเราจะได้ประโยชน์จากการเลือกซื้อสิ่งไหนมากที่สุด
ผู้ที่มีความจำเป็นต้องซื้อบ้านก่อน
อาจเป็นคนที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว ไม่อยากไปเสียค่าเช่าหอพักหรือคอนโดทุกเดือนอย่างไม่จบสิ้น หรืออาจมองว่าการซื้อบ้านคุ้มค่ากว่า เพราะการมีบ้านสักหลังเราจะสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต และเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงขึ้นทุกปีแตกต่างกับรถยนต์ที่ราคามีแต่จะตกลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่มีความจำเป็นต้องซื้อรถยนต์ก่อน
อาจเป็นคนที่อาศัยอยู่บ้านของพ่อแม่หรือญาติพี่น้องได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจประสบปัญหาในการเดินทาง หรือเป็นผู้ที่มีอาชีพการงานที่ต้องเดินทางด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์มากกว่าบ้านอย่างเห็นได้ชัด
พิจารณาจากความแตกต่างในการผ่อนบ้านและผ่อนรถยนต์
สำหรับบางคนก็ไม่สามารถตัดสินใจจากความจำเป็นได้จริงๆ อาจเพราะเป็นคนที่ไม่ประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและการเดินทาง หรือในทางตรงกันข้ามอาจกำลังประสบปัญหาทั้งสองทางจนเลือกไม่ถูก เราจึงต้องหันมาใช้หลักอื่นๆ ในการช่วยตัดสินใจแทน นั่นคือการพิจารณาตามข้อดีในการผ่อนบ้านและรถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป
ข้อดีของการผ่อนบ้าน
คุณอาจเสียดอกเบี้ยไม่มากอย่างที่คิด เนื่องจากใช้ระบบที่เรียกว่า “ลดต้นลดดอก” คือวิธีการคิดดอกเบี้ยตามเงินต้นที่ค้างชำระอยู่เป็นเปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ยิ่งคุณจ่ายค่างวดในแต่ละเดือนไปมากเท่าไหร่ เงินส่วนนั้นจะถูกนำไปหักลดกับเงินต้นมากขึ้น และดอกเบี้ยก็จะถูกลงตามไปเท่านั้น อาจเรียกได้ว่าการผ่อนบ้านเป็นอะไรที่ยิ่งผ่อนยิ่งสบายตัวมากขึ้นนั่นเอง
ข้อดีของการผ่อนรถ
ส่วนใหญ่รถยนต์จะมีราคาถูกกว่าบ้าน และมีกำหนดระยะเวลาในการผ่อนเพียงไม่กี่ปี แตกต่างจากบ้านที่อาจต้องผ่อนนานถึง 20 – 30 ปี หากคุณเลือกที่จะผ่อนรถแทนการผ่อนบ้าน คุณก็จะปลดล็อคหนี้สินได้เร็วกว่านั่นเอง
เทคนิคในการผ่อนบ้านและรถยนต์
ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นการเลือกซื้อบ้านหรือเลือกซื้อรถยนต์ก่อน ทั้งสองสิ่งนี้ก็ควรมีเทคนิคในการผ่อนชำระด้วยกันทั้งนั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอกับ ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในอนาคต และยังมีเงินเหลือใช้ในปัจจุบันอย่างไม่เดือดร้อนขัดสนอีกด้วย
วิธีการเลือกผ่อนบ้าน
หลักในการเลือกผ่อนบ้านมีอยู่ง่ายๆ คือต้องคำนึงถึงรายได้หลักของตัวเองโดยการ เลือกบ้านที่มีราคาไม่เกิน 30 เท่าของรายได้ในแต่ละเดือน
ตัวอย่างเช่น คุณมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท บ้านที่จะซื้อไม่ควรมีมูลค่าเกิน 900,000 บาท และต้องคำนึงถึงความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเองด้วยว่า สะดวกที่จะผ่อนบ้านระยะยาวเพื่อได้ค่างวดที่ถูกลง หรือสะดวกที่จะผ่อนบ้านระยะสั้นแต่มีค่างวดที่สูงขึ้น
คำแนะนำจากกูรูเรื่องบ้านเพิ่มเติมอีกว่า ค่างวดไม่ควรเกินกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ต่อเดือน ตัวอย่างเช่น คุณมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท ไม่ควรเลือกผ่อนรถเกินเดือนละ 9,000 บาท เพราะในแต่ละเดือนคุณยังต้องนำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นอีกมากมาย
วิธีการเลือกผ่อนรถยนต์
การเลือกผ่อนรถคุณต้องคำนึกถึงสเปคและราคาที่ไม่สูงเกินไป โดยมีคำแนะนำจากกูรูเรื่องรถยนต์อยู่ว่า ควรเลือกผ่อนรถโดยมีค่างวดไม่เกิน 20-30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้แต่ละเดือน
ตัวอย่างเช่น คุณมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท ไม่ควรผ่อนรถเกินเดือนละ 4,000 – 6,000 บาท เพราะจะเป็นการสร้างภาระให้กับตัวเองมากเกินไป
แต่เราขอแนะนำให้ คุณเลือกระยะเวลาผ่อนรถยนต์ให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งเราใช้เวลาสั้นลงก็จะยิ่งปลดล็อคหนี้สินได้เร็วขึ้น แถมอาจได้เสียค่าดอกเบี้ยน้อยลงอีกด้วย
เราหวังว่าคำแนะนำและความคิดเห็นทั้งหมดที่ได้กล่าวไป คงพอจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไม่มากก็น้อย หากใครมีหลักการพิจารณาหรือวิธีการคิดแบบอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์แบบนี้ได้ ก็ลองตัดสินใจกันดูนะครับ
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก https://rabbitfinance.com
Comentarios