การประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์
การประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ คือ การนำอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ มาตีราคาเป็นตัวเลขเพื่อให้ได้ราคากลางที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านที่ดินเป็นผู้กำหนดไว้เป็นมาตรฐาน โดยผู้กำหนดราคาประเมินที่ดินซึ่งมีทั้งภาคราชการและภาคเอกชน
เหตุผลที่ต้องมีการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์
นำมาคำนวณเป็นทรัพย์สินของบุคคลเพื่อชำระภาษี เช่น ภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ
คำนวณค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินต่อกรมที่ดิน
เมื่อเกิดการฟ้องร้องทางศาลอันต้องมีการวางหลักประกันต่อศาลในคดีแพ่งว่าจะมาชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือในคดีอาญาเพื่อประกันตัวจำเลย ศาลมักให้นำทรัพย์สินที่มีราคาสูงกว่าจำนวนหนี้หรือค่าปรับมาเป็นหลักประกันและนำมาวางไว้ที่ศาลเพื่อให้แน่ใจว่าจะทำตามสัญญา
นำมาใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินหรือที่เรียกว่า การจำนอง ซึ่งมีผลต่อวงเงินกู้ (การวิเคราะห์สินเชื่อ) ว่าจะสามารถให้กู้ยืมได้เท่าไร เนื่องจากผู้ให้กู้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ต้องรับความเสี่ยงด้านเครดิต กล่าวคือ เป็นความเสี่ยงที่อาจไม่ได้รับชำระหนี้จากผู้กู้ ดังนั้น นอกจากพิจารณารายได้และความมั่นคงในหน้าที่การงานแล้ว อาจต้องอาศัยหลักประกันอื่น ดังนั้น การประเมินราคาที่ดินซึ่งนำมาเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินนั้นเพื่อ ให้ผู้กู้วางใจว่าหากผู้ให้กู้ไม่ชำระหนี้ ผู้กู้จะสามารถนำที่ดินไปขายทอดตลาดและได้เงินที่เพียงพอต่อการชำระหนี้
การทราบราคาประเมินที่ดิน เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่นที่ดินที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านมักจะมีราคาตลาดที่ค่อนข้างสูง การทราบราคาก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการคิดเกี่ยวกับเรื่องของการลงทุ
กรณีที่มีการเวนคืนที่ดิน การประเมินราคาที่ดินจะนำไปคำนวณเป็นค่าชดเชยให้แก่เจ้าของที่ดิน
หลักการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ตามหลักสากล
มีอยู่ 3 หลักเบื้องต้นคือ
วิธีเปรียบเทียบราคาตลาด
ราคาตลาดหมายถึง ราคาที่ซื้อขายกันจริงโดยผู้กำหนดราคาตลาดคือผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนั้น จะใช้วิธีนี้ได้ต้องมีการซื้อขายกันในอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะคล้ายกัน แล้วจึงนำราคาตลาดมาปรับแต่งเป็นราคาประเมินอีกที
วิธีคิดจากรายได้
เป็นวิธีที่นำรายได้สุทธิเฉลี่ยทั้งปีของอสังหาริมทรัพย์นั้นตั้ง แล้วนำมาหารผลตอบแทนที่ต้องการ วิธีนี้ เหมาะแก่การประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ที่นำมาใช้ให้เกิดรายได้ เช่น หอพัก คอนโดให้เช่า บ้านเช่า ตัวอย่างการคิดคำนวณราคา
ประเมินโดยคิดจากรายได้ที่ได้จากทรัพย์สินต่อปี
ยกตัวอย่าง กรณีบ้านเช่า
ได้ค่าเช่า 10,000 บาทต่อเดือน นำมาหัก ค่าใช้จ่าย ภาษี ประกันภัย 3,000 บาทต่อเดือน รายได้สุทธิคือ 7,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นรายได้ 84,000บาทต่อปี ต้องการผลตอบแทน6% มูลค่าประเมินจะอยู่ที่ 84,000/0.06 = 1,4000,000 บาท
วิธีคิดจากต้นทุนทดแทน
เป็นวิธีคิดจากมูลค่าทรัพย์สินรวมกับต้นทุนในการก่อสร้าง หักค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สินหรือค่าเสื่อมราคาแล้วจึงได้ราคาประเมินออกมา วิธีนี้เหมาะในการนำมาใช้ในการประเมินทรัพย์สินที่มีการซื้อขายน้อย ไม่สามารถใช้วิธีคิดจากการเปรียบเทียบราคาตลาดได้
ตัวอย่างการคำนวนราคาประเมินโดยใช้หลักคิดจากต้นทุน
ยกตัวอย่างกรณีตึกแถว 2 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณตลาดเป็นเวลา 3 ปี ราคาที่ดิน = 450,000 ราคาค่าก่อสร้างตึกแถว = 750,000 หักค่าเสื่อมสภาพเป็นเวลา 3 ปี = 30,000 ราคาประเมินจะอยู่ที่ 450,000+750,000-30,000=1,170,000 บาท
ราคาประเมินที่ดิน คือ ราคากลางที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านที่ดินได้กำหนดไว้เป็นมาตรฐาน โดยผู้กำหนดราคาประเมินที่ดินคือ
กรมที่ดิน เป็นการประเมินที่ดินจากส่วนราชการ เจ้าพนักงานกรมที่ดินจะทำการคิดราคาประเมินที่ดินจากตารางบัญชีกำหนดราคาประเมินที่ดินที่กฎหมายกำหนดโดยคณะอนุกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะกำหนดออกมาเป็นรอบ แต่ละรอบใช้ไม่เกิน 4 ปี กรมที่ดินได้ทำช่องทางเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบราคาประเมินที่ดินได้ด้วยตนเองเพื่อความสะดวก รวดเร็ว และไม่เสียเวลามากรมที่ดินผ่านทางเว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ http://property.treasury.go.th โดยค้นหาราคาประเมินที่ดินจากเลขที่โฉนดหรือเลขที่ดิน หรือค้นหาราคาประเมินอาคารชุด ที่ดิน น.ส.3ก และสิ่งปลูกสร้างต่างๆในเว็บไซต์ดังกล่าวก็มีบริการแก่ประชาชนเช่นกัน
ภาคเอกชน นอกจากเจ้าพนักงานจากกรมที่ดินจะเป็นผู้กำหนดราคาประเมินที่ดินแล้ว เอกชนก็สามารถประเมินราคาที่ดินได้โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านราคาที่ดินเป็นผู้ประเมิน ซึ่งราคาประเมินที่ผู้ประเมินให้ความเห็นนั้นอิงจากราคาประเมินของกรมที่ดินและราคาตลาดเพื่อกำหนดเป็นราคากลางของตนต่อไป ทั้งนี้ มูลค่าประเมินที่ดินที่ได้นั้นเป็นเพียงความเห็นของผู้ประเมิน ณ วันที่ประเมินเท่านั้น อาจเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง
ค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาที่ดินของเอกชน(การประเมินหลักทรัพย์)
แต่ละธนาคารจะมีค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาที่ดินที่แตกต่างกัน ไม่มีกฎหมายบังคับว่าธนาคารต้องเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการประเมินราคารัพย์เป็นจำนวนเท่าใด ยกตัวอย่าง ธนาคารออมสิน ค่าใช้จ่ายการประเมินขึ้นอยู่กับประเภทของเงินกู้และจำนวนวงเงิน เช่น สินเชื่อเคหะและสินเชื่อบุคคล วงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท ค่าใช้จ่ายอยู่ที่รายละ 2,000 บาท เป็นต้น
การโอนอสังหาริมทรัพย์กฎหมายกำหนดว่านอกจากต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนและต้องจดทะเบียนต่อหน้าเจ้าพนักงานแล้ว ยังกำหนดภาระหน้าที่แก่ผู้โอนและผู้รับโอน อันเป็นค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการโอนอีกด้วย การโอนกรรมสิทธิ์จึงเสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามกฎหมายทั้งหมดโดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากเป็นหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัติจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือลดหย่อนได้
เรียบเรียงบทความ “เกณฑ์การประเมินที่ดินเบื้องต้น”
Comments